LAND AND HOUSES FUND MANAGEMENT CO.,LTD

BESIDE, YOUR INVESTMENT

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice)

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice)

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (“บริษัทจัดการ”) มุ่งเน้นที่จะให้บริการที่ ดีที่สุดให้แก่ท่าน (“ลูกค้า” และ/หรือ “คู่ค้า”) โดยบริษัทคำนึงถึงการได้รับความไว้วางใจและความเชื่อมั่นจากท่านเป็นสิ่งที่ สำคัญอย่างยิ่ง บริษัทจัดการมีความตระหนักถึงความสำคัญในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ดังนั้น บริษัทจัดการจึงได้กำหนดนโยบาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ในการดำเนินงานของบริษัทจัดการด้วยมาตรการที่เข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่า ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทจัดการได้รับมาจะถูกนำไปใช้ตรงตามความต้องการของท่านและถูกต้องตามกฎหมาย

นอกจากนี้ บริษัทจัดการยังได้มีระบบในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล และขั้นตอนการ ดำเนินงานที่รัดกุม อีกทั้งมาตรการในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล เพื่อป้องกันการเข้าถึง เปิดเผย นำไปใช้หรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลโดยมิได้รับอนุญาต

เพื่อให้ท่านทราบเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และช่องทางการติดต่อเพื่อขอทราบข้อมูลเพิ่มเติม บริษัทจัดการจึงขอแจ้งข้อมูล ดังต่อไปนี้

1. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจัดการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย

ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลที่เกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ได้แก่

  • ข้อมูลแสดงตัวตน (identity data): หมายถึง ข้อมูลที่เกี่ยวกับบุคคลธรรมดา ที่ทำให้ระบุตัวตนของท่านได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เช่น ชื่อ นามสกุล วัน ปีเกิด เพศ/เดือน/สัญชาติ สำเนาเอกสารยืนยันตัวตน (สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือ สำเนาพาสปอร์ต) สถานภาพการสมรส เป็นต้น
  • ข้อมูลติดต่อลูกค้า (contact data): เช่น ที่อยู่อาศัย สถานที่ทำงาน หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล
  • ข้อมูลอ่อนไหว (sensitive data): เช่น ศาสนา ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ ข้อมูลชีวภาพเช่น ข้อมูลภาพจำลองใบหน้า เพื่อวัตถุประสงค์ในการพิสูจน์และยืนยันตัวตนของผู้ใช้บริการที่ขอสมัคร (ข้อมูลประวัติอาชญากรรมหรือการกระทำผิดในกฎหมายที่เกี่ยวข้อง) รวมถึงข้อมูลอื่นใดในทำนองเดียวกันเป็นต้น
  • ข้อมูลรายละเอียดของผู้รับผลประโยชน์ เช่น ผู้เปิดบัญชีกองทุนร่วม ผู้ถือบัญชีกองทุนร่วมและผู้รับผลประโยชน์ในผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทที่เป็นผู้เยาว์ ผู้รับผลประโยชน์ของนิติบุคคล
  • ข้อมูลทางการเงิน (financial and transaction data): เช่น หมายเลขบัญชี หมายเลขบัตรเครดิต และหมายเลขบัตรเดบิต ข้อมูลรายได้ต่อเดือน ข้อมูลการชำระเงิน ข้อมูลทางภาษี เป็นต้น
  • ข้อมูลการใช้ผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทจัดการ เช่น โปรแกรมการจำลองการลงทุน บริการธุรกรรมออนไลน์เพื่อการลงทุน การใช้บริการตัดบัญชีลงทุนโดยอัตโนมัติ
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์และบริการที่ท่านถืออยู่กับพันธมิตรทางการตลาดหรือบริษัทในเครือของบริษัทจัดการ เช่น กรมธรรม์ประกัน การจำนอง เงินฝากธนาคาร เงินออม เงินลงทุนหรือบริการและผลิตภัณฑ์ทางการเงิน
  • ข้อมูลทางเทคนิคและการใช้งาน (technical and usage data): หมายเลข IP Address ข้อมูลการเข้าสู่ระบบข้อมูลการค้นหา (website browsing) จากการใช้ข้อมูล Cookie ID ประเภทอุปกรณ์การตั้งค่า แพลตฟอร์มและเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่ใช้ในการเข้าถึงเว็บไซต์ของบริษัทจัดการ
  • ข้อมูลการตลาดและการสื่อสาร (marketing and communication data): การตั้งค่าของท่านในการรับข้อมูลการตลาดจากบริษัทจัดการ และบุคคลที่สาม (third party) รวมถึงข้อมูลการติดต่อกับบริษัทจัดการ เช่น เทปบันทึกกรณีที่ลูกค้าเข้ามาติดต่อทาง contact center หรือผ่านทางช่องทาง social media อื่น ๆ เป็นต้น

บริษัทจัดการจะรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเฉพาะส่วนที่จำเป็นสำหรับการจัดหาหรือนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ท่านร้องขอหรือใช้บริการ การจัดหาสินค้าและ/หรือบริการ บริการการชำระเงินและ/หรือรับชำระเงิน ในกรณีที่ท่านไม่สามารถให้ข้อมูลส่วนบุคคลบางอย่างที่จำเป็น อาจจะส่งผลกระทบต่อการให้บริการของบริษัทจัดการแก่ท่านทำให้ท่านไม่ได้รับการบริการที่ตรงต่อความต้องการ และหรือนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการไม่สอดคล้องกับความต้องการของท่าน หรือไม่ได้รับการปฏิบัติตามสัญญาและอาจส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติตามกฎหมายใด ๆ ที่ต้องปฏิบัติตาม ซึ่งอาจมีบทกำหนดโทษที่เกี่ยวข้องต่อการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย

ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจัดการทำการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เป็นข้อมูลที่ได้รับจากท่านหรือจากแหล่งอื่นที่มีความเชื่อถือได้ เช่น หน่วยงานราชการ บุคคลที่สามที่เกี่ยวข้องกับท่าน (เช่น นายจ้าง ผู้เปิดบัญชีร่วม เป็นต้น) พันธมิตรทางธุรกิจ บริษัทในเครือ เป็นต้น โดยบริษัทจัดการจะเก็บรวบรวมข้อมูลจากแหล่งอื่นต่อเมื่อได้รับความยินยอมจากท่านตามที่กฎหมายกำหนด เว้นแต่จะมีความจำเป็นตามกรณีที่กฎหมายอนุญาต

นอกจากนี้บริษัทจัดการมีการรวบรวม ใช้ และ เปิดเผย ข้อมูลโดยรวม (aggregated data) ซึ่งข้อมูล โดยรวมนั้นอาจได้มาจากข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน อย่างไรก็ตามข้อมูลดังกล่าว เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของบุคคลได้ ตัวอย่างเช่น บริษัทจัดการอาจใช้ข้อมูลบางส่วนของท่านที่ผ่านกระบวนการทำให้ ข้อมูลนั้นเป็นข้อมูลนิรนาม (anonymization) เพื่อคำนวณอัตราของผู้ที่เข้าถึงเว็บไซต์ของบริษัทจัดการ หรือทำข้อมูลเชิงสถิติต่าง ๆ บริษัทจัดการตระหนักดีว่าข้อมูลที่นำมาใช้จะต้องไม่สามารถนำกลับมาระบุตัวตนได้

การเชื่อมต่อไปยังหน้าเว็บไซต์อื่น (Third-party Links)

การเข้าเว็บไซต์ของบริษัทจัดการอาจจะนำพาท่านไปสู่หน้าเว็บไซต์อื่น ๆ จากการคลิกลิงก์ได้ ดังนั้นเมื่อท่านทำการเชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์อื่น ๆ จากการคลิกลิงก์ดังกล่าวแล้ว จะถือว่าท่านสิ้นสุดการเยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัทจัดการ เว็บไซต์นั้น ๆ อาจจะมีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของท่านได้บริษัทจัดการจะไม่รับผิดชอบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลที่เกิดขึ้นจากหน้าเว็บไซต์อื่น ๆ นั้น ดังนั้นเพื่อประโยชน์ต่อความเป็นส่วนตัวของท่าน บริษัทจัดการแนะนำให้ท่านอ่านประกาศความเป็นส่วนตัวของทุกเว็บไซต์ที่ท่านได้เข้าเยี่ยมชม

2. ฐานกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจัดการจะดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อประโยชน์ของท่านในการใช้ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ ตลอดจนเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายใด ๆ ที่เกี่ยวข้องและเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใด ตามที่ระบุในประกาศฉบับนี้ บริษัทจัดการจะทำการประมวลผลข้อมูลของท่านภายใต้ฐานอันชอบด้วยกฎหมาย ดังต่อไปนี้

2.1 บริษัทจัดการมีการประมวลผลข้อมูลภายใต้ฐานความยินยอม (Consent) ตามที่ท่านได้ให้ความยินยอมไว้กับบริษัทจัดการ เพื่อให้ท่านได้รับผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการที่ดียิ่งขึ้นและสอดคล้องกับความต้องการของท่าน

2.2 บริษัทจัดการมีการประมวลผลข้อมูลภายใต้ฐานสัญญา (Contract) เพื่อใช้ในการประมวลผลข้อมูลที่จำเป็นต่อการให้บริการตามสัญญา บริษัทจัดการจะปฏิบัติตามกระบวนการภายในเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติตามสัญญา เพื่อให้ท่านสามารถใช้ผลิตภัณฑ์และหรือบริการของบริษัทจัดการในฐานะที่ท่านเป็นคู่สัญญา

2.3 บริษัทจัดการมีการประมวลผลข้อมูลภายใต้ฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย (Legal Obligation) เพื่อประมวลผลข้อมูลตามที่กฎหมายกำหนด เช่น การปฏิบัติตามคำสั่งของผู้มีอำนาจตามกฎหมาย การปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสถาบันการเงิน พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการก่อการร้ายและแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงและกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

2.4 บริษัทจัดการอาจจะมีการประมวลผลที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐตามที่รัฐ (Public Task) ได้มอบหมายให้แก่บริษัทจัดการ

2.5 บริษัทจัดการมีการประมวลผลข้อมูลภายใต้ฐานประโยชน์อันชอบธรรม (Legitimate Interest) โดยบริษัทจัดการจะพิจารณาว่าประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญยิ่งกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานของท่าน

ตัวอย่างวัตถุประสงค์ และฐานทางกฎหมายที่บริษัทจัดการใช้ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า มีดังต่อไปนี้

วัตถุประสงค์ของกิจกรรมการประมวลผล ฐานทางกฎหมาย
การจัดหาผลิตภัณฑ์และการให้บริการของบริษัทจัดการ
  • เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์หรือบริการให้ท่าน
  • ฐานสัญญา
  • เพื่อติดต่อท่านผ่านชื่อทางการสื่อสารต่างๆ เกี่ยวกับบริการของบริษัทจัดการ
  • ฐานสัญญา
  • เพื่อจัดการการชำระเงินของลูกค้า
  • ฐานสัญญา
  • เพื่อปรับปรุงการให้บริการและผลิตภัณฑ์ (การรับเรื่องร้องเรียนและการจัดการคำขอ)
  • ฐานสัญญา
  • เพื่อดำเนินการตามคำสั่ง หรือคำร้องขอของท่าน เช่น การแก้ไขข้อมูล การร้องขอเอกสาร
  • ฐานสัญญา
  • เพื่อการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งอาจมีการตรวจสอบ หรือบันทึกการสนทนาระหว่างการสื่อสาร
  • ฐานประโยชน์อันชอบธรรม
  • เพื่อสื่อสารกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทจัดการในลักษณะที่ไม่ใช่การตลาดทางตรง (ไม่ใช่ Direct Marketing)
  • ฐานประโยชน์อันชอบธรรม
  • เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและการทำงานของเว็บไซต์ (คุกกี้เว็บไซต์)
  • ฐานประโยชน์อันชอบธรรม
  • เพื่อการยืนยัน และระบุตัวตนของท่านผ่านทางข้อมูลทางชีวภาพ (ภาพการจำลองใบหน้า) สำหรับการสมัคร และ/หรือใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัทจัดการ
  • ฐานความยินยอม
กิจกรรมทางการตลาด
  • เพื่อการดำเนินงานในเรื่อง Targeted advertising และ/หรือ Direct Marketing
  • ฐานความยินยอม
  • เพื่อให้ข้อมูลแก่บริษัทในเครือ เพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาด
  • ฐานความยินยอม
การพัฒนาทางธุรกิจ
  • เพื่อพัฒนาวิธีการใหม่เพื่อขยายธุรกิจของบริษัท
  • ฐานประโยชน์อันชอบธรรม
  • เพื่อทดสอบ วิจัย วิเคราะห์ พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่
  • ฐานประโยชน์อันชอบธรรม
  • เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ความต้องการและความพึงพอใจของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล
  • ฐานประโยชน์อันชอบธรรม
  • เพื่อวางแผนการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการที่มีอยู่แล้ว
  • ฐานประโยชน์อันชอบธรรม
  • เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพทางธุรกิจ
  • ฐานประโยชน์อันชอบธรรม
  • เพื่อการทำรายงานสถิติหรือการวิจัยตลาด
  • ฐานประโยชน์อันชอบธรรม
ความปลอดภัยและการบริหารความเสี่ยง
  • เพื่อการตรวจโดยผู้ตราจสอบภายใน และ/หรือ ผู้ตรวจสอบภายนอก รวมทั้ง การรายงานผล
  • ฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย
  • เพื่อการบริการความเสี่ยง
  • ฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย
  • เพื่อการป้องกันอาชญากรรมและจัดการความปลอดภัยของสถานที่ ยกตัวอย่างเช่น อาจมีการใช้โทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ในบริเวณรอบ ๆ พื้นที่ของบริษัทจัดการ
  • ฐานประโยชน์อันชอบธรรม
การดำเนินการหน้าที่ตามกฎหมาย
  • เพื่อส่งรายงานไปยังหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง
  • ฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย
  • เพื่อให้แนวทางการปฏิบัติขององค์กรสอดคล้องกับกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง
  • ฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย

ตัวอย่างวัตถุประสงค์ และฐานทางกฎหมายที่บริษัทจัดการใช้ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้า มีดังต่อไปนี้

วัตถุประสงค์ของกิจกรรมการประมวลผล ฐานทางกฎหมาย
การจัดหาสินค้า และ/หรือบริการ การชำระเงิน และ/หรือ รับชำระเงิน
  • เพื่อปฎิบัติตามสัญญาให้ท่าน
  • ฐานสัญญา
  • เพื่อจัดการการชำระเงิน
  • ฐานสัญญา
  • เพื่อดำเนินการตามคำสั่ง หรือคำร้องขอของท่าน เช่น การร้องขอเอกสาร
  • ฐานสัญญา
  • เพื่อการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งอาจมีการตรวจสอบ หรือบันทึกการสนทนาระหว่างการสื่อสาร
  • ฐานประโยชน์อันชอบธรรม
  • เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและการทำงานของเว็บไซต์ (คุกกี้เว็บไซต์)
  • ฐานประโยชน์อันชอบธรรม
ความปลอดภัยและการบริหารความเสี่ยง
  • เพื่อการตรวจโดยผู้ตราจสอบภายใน และ/หรือ ผู้ตรวจสอบภายนอก รวมทั้ง การรายงานผล
  • ฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย
  • เพื่อการบริการความเสี่ยง
  • ฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย
  • เพื่อการป้องกันอาชญากรรมและจัดการความปลอดภัยของสถานที่ ยกตัวอย่างเช่น อาจมีการใช้โทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ในบริเวณรอบ ๆ พื้นที่ของบริษัทจัดการ
  • ฐานประโยชน์อันชอบธรรม
ความปลอดภัยและการบริหารความเสี่ยง
  • เพื่อส่งรายงานไปยังหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง
  • ฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย
  • เพื่อให้แนวทางการปฏิบัติขององค์กรสอดคล้องกับกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง
  • ฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย

3. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า

บริษัทจัดการจะเก็บรวบรวม ใช้ และ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในฐานะลูกค้า และ/หรือ คู่ค้า เพื่อประโยชน์ของท่านในการใช้ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ การจัดหาสินค้าและ/หรือบริการ บริการการชำระเงินและ/หรือรับชำระเงิน ตลอดจนเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายใด ๆ ที่บริษัทจัดการหรือท่านต้องปฏิบัติตาม และเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดตามที่ระบุในประกาศฉบับนี้ ดังนี้

  • เพื่อวัตถุประสงค์ในการทำรายการซื้อผลิตภัณฑ์หรือรับบริการจากบริษัทจัดการตามที่ท่านประสงค์ เช่น กรณีที่ท่านลงทะเบียนในหน้าเว็บไซต์ของบริษัทจัดการ บริษัทจัดการจะทำการเก็บรวบรวมข้อมูลพื้นฐาน เช่น ชื่อ นามสกุล อีเมล์ เบอร์โทรศัพท์ และคำร้องขอหรือความคิดเห็นที่ท่านได้ให้ไว้ เพื่อทำการติดต่อกลับหรือดำเนินการตามคำร้องขอ
  • เพื่อปรับปรุงและพัฒนาการให้บริการของบริษัทจัดการให้ดียิ่งขึ้น
  • เพื่อดำเนินการตามสัญญากับคู่สัญญาที่บริษัทจัดจ้างหรือใช้บริการ
  • เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องและ/หรือเพื่อประโยชน์อื่นใดที่ท่านได้ให้ความยินยอม

4. รายละเอียดการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจัดการอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ผู้อื่นภายใต้ความยินยอมของท่านหรือภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายอนุญาตให้เปิดเผยได้ โดยบุคคลหรือหน่วยงานที่เป็นผู้รับข้อมูลดังกล่าวจะเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามขอบเขตที่ท่านได้ให้ความยินยอมหรือขอบเขตที่เกี่ยวข้องในประกาศฉบับนี้ โดยการเปิดเผยจะเป็นไปในกรณีดังต่อไปนี้

  • เป็นการเปิดเผยให้แก่ ผู้ถือหุ้นของบริษัทจัดการ บริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินหรือพันธมิตรของบริษัทจัดการ
  • เปิดเผยข้อมูลให้แก่ผู้ให้บริการภายนอก (Supplier/Outsource/Service Provider) ที่ทำหน้าที่ประมวลผล หรืออื่นใดที่เกี่ยวข้องภายใต้กฎหมายนี้ เช่น บริษัทตัวแทน คู่ค้า ผู้รับเหมา ที่ปรึกษา สถาบันการเงิน ผู้ให้บริการ Cloud Computing บริษัทรับจ้างทำกิจกรรมทางการตลาด บริษัทรับจ้างพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งอาจมีทั้งในประเทศและต่างประเทศโดยบุคคลหรือหน่วยงานอื่นที่บริษัทจัดการทำการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลไปนั้น จะสามารถเก็บรวบรวม และใช้ข้อมูลภายใต้วัตถุประสงค์ตามที่ได้ระบุไว้ในข้อตกลงเท่านั้น
  • เปิดเผยข้อมูลให้แก่หน่วยงานราชการหรือหน่วยงานกำกับดูแล เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือเป็นไปตามคำสั่งของหน่วยงาน

การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ

ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจถูกโอนไปยังต่างประเทศ และถูกเก็บ/ประมวลผลในต่างประเทศ
ทั้งนี้ ประเทศเช่นว่าอาจไม่มีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในระดับที่เทียบเท่ากับประเทศไทย ในกรณีดังกล่าว บริษัทจัดการจะตรวจสอบจนมั่นใจว่า ประเทศดังกล่าวมีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในระดับที่เหมาะสมและการส่ง หรือโอนข้อมูลดังกล่าวชอบด้วยกฎหมาย บริษัทจัดการอาจต้องส่ง หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการปฏิบัติตามสัญญา และ/หรือ เพื่อประโยชน์อันชอบธรรมของบริษัทจัดการ โดยบริษัทจัดการจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้กับบุคคลที่มีสิทธิเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวเท่านั้น

5. มาตรการในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทตระหนักถึงหน้าที่การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและเคารพในความเป็นส่วนตัวของท่านรวมถึงการปฏิบัติตามข้อกฎหมายอย่างเคร่งครัด มีการจัดหมวดหมู่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลความลับ (Confidential Information) มีมาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลของท่านทั้งมาตรการในการบริหารจัดการ (Organizational Measure) และมาตรการเชิงเทคนิค (Technical Measure) เพื่อป้องกันการปลอมแปลงข้อความ การใช้งาน การเข้าถึงข้อมูล โดยมิได้รับอนุญาต เช่น ระบบสารสนเทศมีระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูล มีนโยบายการรักษาข้อมูลความลับของลูกค้า เป็นต้น นอกจากนี้บริษัทจัดการได้กำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของพนักงาน ลูกจ้าง และผู้ให้บริการภายนอกในการรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าตามสัญญารักษาความลับ

บริษัทจัดการมีมาตรการการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลอย่างเข้มงวด แต่สำหรับการรับส่งข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตนั้นยังคงมีข้อจำกัดในการดูแลรักษาความปลอดภัย บริษัทจัดการมิอาจรับประกันความปลอดภัยของข้อมูลที่ท่านเปิดเผยผ่านช่องทางออนไลน์ได้ ดังนั้นบริษัทจัดการจะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายหรือความสูญเสียที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อม จากการเข้าถึงข้อมูลโดยมิได้รับอนุญาต (Unauthorized Access) ที่ท่านให้ไว้ในเว็บไซต์ของบริษัทจัดการเว้นแต่ในกรณีที่บริษัทจัดการเป็นผู้ละเลย

6. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจัดการจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ในระยะเวลาเท่าที่จำเป็นในการบรรลุวัตถุประสงค์ที่บริษัทจัดการรวบรวมไว้ บริษัทจัดการจะทำการเก็บรักษาข้อมูลของท่านไว้ตามนโยบายการรักษาข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเป็นกำหนดระยะเวลา 10 ปี นับตั้งแต่ท่านสิ้นสุดความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับบริษัทจัดการแล้ว เพื่อการตรวจสอบจากหน่วยงานทางการที่เกี่ยวข้อง และเพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมาย และเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาในการเก็บรักษาแล้ว บริษัทจัดการจะทำลายข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวตามนโยบายของบริษัทจัดการต่อไป

7. สิทธิเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านควรทราบดังต่อไปนี้ โดยท่านสามารถยื่นคำร้องใช้สิทธิตามช่องทางการติดต่อที่เราได้ให้ไว้ในหัวข้อ “9. ติดต่อบริษัทจัดการ” เราจะดำเนินการตามคำร้องขอของท่านโดยเร็วที่สุดไม่เกิน 30 วัน

สิทธิในการขอถอนความยินยอม (Right to Withdraw) ท่านมีสิทธิขอถอนความยินยอมที่ท่านให้ไว้กับบริษัทจัดการเมื่อใดก็ได้ และบริษัทจัดการจะหยุดประมวลผลข้อมูลของท่านโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้บริษัทจัดการอาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปหากบริษัทจัดการมีฐานความชอบธรรมอื่นในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เช่น บริษัทจัดการต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการเก็บรักษาข้อมูลดังกล่าว เป็นต้น

สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Access) ท่านมีสิทธิในการขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากบริษัทจัดการและตรวจสอบว่าบริษัทจัดการได้ประมวลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมาย

สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (Right to Correction) ท่านมีสิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

สิทธิในการขอลบข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Deletion) ท่านมีสิทธิร้องขอให้บริษัทจัดการลบทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ในกรณีที่ไม่มีเหตุผลอันสมควรให้บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไป โดยท่านสามารถใช้สิทธิในการขอให้บริษัทลบข้อมูลส่วนบุคคลนี้ควบคู่ไปกับสิทธิในการคัดค้าน อย่างไรก็ตาม บริษัทอาจจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปหากว่าบริษัทมีฐานทางกฎหมายที่อนุญาตให้บริษัทประมวลผลต่อไปได้

สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Object) ท่านมีสิทธิคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทจัดการประมวลผลภายใต้ฐานผลประโยชน์อันชอบธรรมของบริษัทจัดการ นอกจากนี้ท่านยังมีสิทธิคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หากบริษัทจัดการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาด และเกี่ยวกับการรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ (Profiling) (การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยอัตโนมัติเพื่อช่วยให้บริษัทประเมินเกี่ยวกับท่าน เช่น ความชอบและความสนใจของท่านที่เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง) เว้นแต่ในกรณีต่อไปนี้

  • มีความจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัทจัดการ และกรณีที่เป็นข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้ด้วยเหตุจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะเช่น งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ
  • เหตุจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย หรือ เป็นไปเพื่อก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตาม หรือ การใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือ การยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

สิทธิในการห้ามมิให้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Suspense) ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทจัดการระงับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านชั่วคราว เช่น เมื่อท่านร้องขอให้บริษัทจัดการพิสูจน์เหตุผลในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน นอกจากนี้ท่านยังสามารถใช้สิทธิ์นี้เมื่อเข้าเงื่อนไขดังต่อไปนี้

  • เมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลห้ามมิให้ประมวลข้อมูลของตนและเหตุผลนั้นมีความจำเป็นมากกว่าฐานผลประโยชน์อันชอบธรรม
  • การประมวลผลไม่จำเป็นอีกต่อไป แต่การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลยังคงมีความจำเป็นเพื่อการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย

สิทธิในการโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Portability) ท่านสามารถขอให้บริษัทจัดการส่งหรือโอนข้อมูลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น เมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ หรือขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจัดการส่งหรือโอนข้อมูลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค

สิทธิในการร้องเรียน (Right to Lodge a Complaint) ท่านมีสิทธิในการร้องเรียนต่อหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องในกรณีที่บริษัทจัดการ ลูกจ้างหรือผู้รับจ้างของบริษัทจัดการ ทำการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ทั้งนี้ ท่านมีความรับผิดชอบที่จะทำให้บริษัทจัดการมั่นใจได้ว่า ข้อมูลของท่านที่ให้กับบริษัทจัดการนั้นถูกต้อง ครบถ้วน ไม่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดและเป็นปัจจุบันเสมอ

หากท่านต้องการใช้สิทธิ ท่านสามารถยื่นคำร้องใช้สิทธิตามช่องทางการติดต่อที่บริษัทจัดการได้ให้ไว้ในหัวข้อ “9. ติดต่อบริษัทจัดการ”

8. ข้อมูลอื่น ๆ

การยกเลิกการรับข้อมูลการตลาด (Opting Out) (สำหรับลูกค้า)

ท่านสามารถปฏิเสธไม่รับข่าวสารจากบริษัทจัดการได้โดย โทรติดต่อเข้ามายังหมายเลข 02-286-3484 กด 1 ในกรณีที่ท่านเลือกที่จะปฏิเสธไม่รับข่าวสารทางการตลาด การยกเลิก/ปฏิเสธนี้จะไม่มีผลกระทบต่อการให้บริการของบริษัทจัดการที่มีต่อท่าน หรือธุรกรรมอื่นใดที่ท่านมีกับบริษัทจัดการ

คุกกี้ (Cookies)

เว็บไซต์ของบริษัทจัดการมีระบบจัดเก็บคุกกี้ เพื่อปรับปรุงเว็บไซต์ที่ให้บริการ และสร้างข้อมูลประวัติการเยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัทจัดการ โดยไม่มีการเข้าถึงฐานข้อมูลในเครื่องของท่าน

เว็บไซต์ของบริษัทจัดการใช้คุกกี้เพื่อจำแนกท่านออกจากผู้ใช้งานรายอื่น ๆ ซึ่งจะช่วยให้บริษัทฯ สามารถมอบประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ให้ท่านได้ และช่วยให้บริษัทฯ สามารถปรับปรุงเว็บไซต์ได้อีกด้วย

หากท่านต้องการทราบวิธีการจัดการฟังก์ชั่นคุกกี้ โปรดดูประกาศความเป็นส่วนตัวในการใช้งานคุกกี้ (URL. https://www.lhfund.co.th)

9. ติดต่อบริษัทจัดการ

หากท่านต้องการติดต่อเพื่อขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลหรือหากมีข้อสงสัยหรือข้อร้องเรียนใดๆ ภายใต้ประกาศฉบับนี้ ท่านสามารถติดต่อบริษัทจัดการได้ตามช่องทางต่อไปนี้

  • สำนักงานของ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (Land and Houses Fund Management Company Limited) เลขที่ 11 อาคารคิวเฮ้าส์ สาทร ชั้น 10, 14 ถนนสาทรใต้ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120
  • Call Center: 02-286-3484 กด 1
  • E-mail: [email protected]
Version: V.3-01.11.2022