IONQ ประกาศตั้ง IonQ Federal เจาะตลาดภาครัฐ + ดีล Oxford Ionics ได้ไฟเขียว หุ้นพุ่งแรงในวันเดียว +18% โดยบริษัท มีมูลค่า 5.25 แสนล้าน ปีเดียวโต 6 เด้ง 

วันที่ 12 กันยายน 2568 บริษัท Ionq ได้ประกาศว่า ได้ตั้งองค์กรชื่อ IonQ Federal เพื่อเน้นภารกิจที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลสหรัฐฯ และพันธมิตร (allied governments) โดยเฉพาะในงานทางด้าน quantum computing + quantum networking และ ประกาศว่า UK ISU อนุมัติการซื้อกิจการ Oxford Ionics อย่างเป็นทางการแล้ว โดยมูลค่าการซื้อกิจการโดยประมาณ $1.075 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ราคาหุ้นของ Ionq พุ่ง +18.19%โดยบริษัทในกลุ่มหุ้นเทคโนโลยี เราน่าจะเห็นหลายบริษัทที่ผลประกอบการขาดทุนหลายปี แต่มูลค่าบริษัทก็ยังเพิ่มต่อเนื่องเพราะนักลงทุน มักมองและคาดหวังตัวเลขในอนาคตไม่ว่าจะรายได้ ยอดผู้ใช้งาน หรือแนวโน้มการพลิกจากขาดทุนเป็นกำไร และตีมูลค่าบริษัทออกมาเช่น ROBLOX แพลตฟอร์มเกมขวัญใจชาว Gen Z ที่ราคาหุ้นพุ่ง 10% หลังประกาศงบไตรมาสล่าสุด ที่แม้จะขาดทุน แต่รายได้รวมและจำนวนผู้ใช้งาน ยังเพิ่มขึ้นแต่ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีบริษัทหนึ่งที่ชื่อว่า IonQ ที่แม้จะเพิ่งเริ่มมีรายได้เติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังขาดทุนอย่างหนักมาหลายปี ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทในปี 2015..ทว่าบริษัทนี้กลับมีมูลค่าบริษัทกว่า 16.55 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 5.25 แสนล้านบาท ณ อัตราแลกเปลี่ยน 31.76 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ)โดย IonQ คือผู้พัฒนาควอนตัมคอมพิวเตอร์ ที่เกาะกระแสไปกับการมาของ AI, Data Center, การค้นพบยา, และวิทยาศาสตร์วัสดุรวมถึงบริษัทนี้ ยังได้รับการสนับสนุนจากบุคคลและองค์กรสำคัญมากมาย

IonQ น่าสนใจอย่างไร ทำไมนักลงทุนถึงให้มูลค่าบริษัทกว่า 5.25 แสนล้านบาท แม้จะยังขาดทุนอย่างหนัก แต่มีรายได้ที่กำลังพุ่งขึ้นอย่างก้าวกระโดด ? ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง IonQ คือบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านควอนตัมคอมพิวติง ก่อตั้งในปี 2015 โดย Christopher Monroe และ Jungsang Kim ทั้งคู่เป็นศาสตราจารย์และผู้บุกเบิกในสาขาวิทยาศาสตร์ข้อมูลควอนตัมจากมหาวิทยาลัยชั้นนำจุดที่ทำให้ IonQ โดดเด่นเป็นที่จับตามองก็เพราะเทคโนโลยีหลักของบริษัทคือ ควอนตัมคอมพิวเตอร์แบบดักจับไอออน (trapped-ion) ซึ่งได้รับการยอมรับว่ามีข้อได้เปรียบที่สำคัญในด้านความแม่นยำ (gate fidelity) และการเชื่อมต่อคิวบิตแบบ all-to-all แต่อาวุธเด็ดของ IonQ ที่ทำให้นักลงทุนคาดหวังอย่างมากก็คือ ระบบควอนตัมคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูงที่ชื่อ IonQ Aria, Forte และในอนาคตคือ Tempo นอกจากจะมีจุดเด่นคือ มีความแม่นยำสูง สามารถรันอัลกอริทึมที่ซับซ้อนได้ และมีสถาปัตยกรรมที่ยืดหยุ่นกว่าระบบของ IonQ ยังสามารถแสดงประสิทธิภาพผ่านเมตริก Algorithmic Qubit (#AQ) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความสามารถในการแก้ปัญหาจริง ไม่ใช่แค่จำนวนคิวบิตดิบอีกจุดที่เป็นข้อได้เปรียบ และทำให้ IonQ น่าสนใจคือ โมเดล Quantum-as-a-Service (QaaS)IonQ ไม่ได้ขายเครื่องควอนตัมคอมพิวเตอร์ให้ลูกค้าไปติดตั้งเองเป็นหลัก (แม้จะมีรุ่น Enterprise สำหรับ On-premise) แต่จะขายพลังการประมวลผลควอนตัมในรูปแบบบริการผ่านคลาวด์ข้อดีคือ ลูกค้าไม่ต้องลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานควอนตัมคอมพิวเตอร์ทั้งหมด เพราะ IonQ จะเป็นผู้ดำเนินการดูแลระบบให้ในขณะที่ IonQ ก็จะมีรายได้จากค่าบริการเข้าบริษัทอย่างต่อเนื่องตลอดอายุสัญญาการใช้งานเทียบง่าย ๆ IonQ ก็เหมือนเป็น ผู้ให้บริการคลาวด์ควอนตัม ที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงเครื่องควอนตัมคอมพิวเตอร์ที่ซับซ้อนได้ง่ายๆ เพียงแค่เชื่อมต่อผ่านแพลตฟอร์มคลาวด์ที่คุ้นเคยอย่าง Amazon Braket, Microsoft Azure Quantum และ Google Cloud ซึ่งกลุ่มลูกค้าของ IonQ ก็คือ บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่, หน่วยงานวิจัย, รัฐบาล, กองทัพ, และอุตสาหกรรมที่ต้องการพลังประมวลผลขั้นสูง โดยเฉพาะศูนย์ Data Center ที่กำลังเติบโตไปกับเทรนด์ AI, การวิจัยยา, และการพัฒนาวัสดุศาสตร์ด้วยข้อดีทั้งหมดนี้ ทำให้ในสายตานักลงทุน หรือแม้แต่รัฐบาลสหรัฐฯ ก็เริ่มหันมาสนใจและให้การสนับสนุน IonQ ไม่ว่าจะเป็น กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ หรือกองทัพอากาศสหรัฐฯ (AFRL) ที่ให้สัญญาจ้างมูลค่ารวมกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในระยะยาว ซึ่งเป็นแหล่งรายได้ที่มั่นคงและช่วยยืนยันความน่าเชื่อถือของเทคโนโลยีหรือเอกชนหลายราย ที่ต้องการพลังประมวลผลมหาศาลอย่างเช่น Dell Technologies ก็ได้ร่วมมือกับ IonQ เพื่อสร้างแพลตฟอร์มไฮบริดคลาสสิก-ควอนตัม ทำให้ลูกค้าสามารถรันเวิร์กโหลดควอนตัมได้ทั้งบนคลาวด์และในศูนย์ข้อมูลของตนเองหรือ Hyundai Motor Company ที่ร่วมมือกับ IonQ เพื่อพัฒนาแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าและระบบการรู้จำภาพสำหรับยานยนต์ไร้คนขับแม้ทุกอย่างจะไปได้ดี แต่เนื่องจากเทคโนโลยีควอนตัมยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนาเชิงพาณิชย์ บริษัทจึงยังขาดทุนอย่างหนัก แต่รายได้กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วโดยหากลองไปดูผลประกอบการย้อนหลังจะพบว่า (ณ อัตราแลกเปลี่ยน 36 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ)

ปี 2022 รายได้ 385.4 ล้านบาท ขาดทุน 1,679.5 ล้านบาท
ปี 2023 รายได้ 758.6 ล้านบาท ขาดทุน 5,430 ล้านบาท
ปี 2024 รายได้ 1,478.1 ล้านบาท ขาดทุน 11,381.1 ล้านบาท
Q2 2025 รายได้ 671.4 ล้านบาท ขาดทุน 5,737.2 ล้านบาท

จะเห็นได้ว่า รายได้ของบริษัทเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด แต่ผลขาดทุนก็ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจากการลงทุน R&D อย่างหนัก และค่าใช้จ่ายในการขยายธุรกิจแต่บริษัทก็สามารถนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ในปี 2021 ด้วยวิธีการ SPAC หรือ Special Purpose Acquisition Companiesก็คือ จะมีบริษัทที่ก่อตั้งขึ้น แล้วระดมทุนผ่านการ IPO จากนั้นจึงนำเงินที่ระดมทุนได้ ไปซื้อกิจการของบริษัทอื่นที่อยู่นอตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งในที่นี้ก็คือ IonQจากนั้นจึงมีการปรับโครงสร้างและทำให้ IonQ กลายเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้น ด้วยมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 6.35 หมื่นล้านบาท) ซึ่งปัจจุบัน นักลงทุนก็คาดหวังกับความสำเร็จไว้มากและให้มูลค่าบริษัท ไว้สูงถึง 16.55 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 5.25 แสนล้านบาท) เติบโตถึงเกือบ 5.7 เท่า (หรือประมาณ 4 เด้ง หากนับจากมูลค่าในปีที่เข้าตลาด SPAC) ในเวลาแค่ 3-4 ปีทั้ง ๆ ที่ IonQ ก็ยังไม่เคยมีกำไรสุทธิเลยแม้แต่บาทเดียว และขาดทุนอย่างต่อเนื่อง..
 

กองทุนแนะนำ :LHQTUM
ความต้องการของ พลังประมวลผลควอนตัม ที่สามารถทำงานร่วมกับ AI, Data Center, และงานวิทยาศาสตร์ขั้นสูง กำลังจุดประกาย การแข่งขันเพื่อครองตลาด Quantum Computing มูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์ ซึ่งผลักดันการลงทุนมหาศาลจากบริษัทยักษ์ใหญ่และรัฐบาลสู่เทคโนโลยี Trapped-Ion Quantum Computers ที่แม่นยำและยืดหยุ่นกว่า การลงทุนในบริษัทอย่าง IonQ, Inc. (NYSE: IONQ) จึงเป็นโอกาสในการลงทุนไปกับเมกะเทรนด์แห่งอนาคต ที่จะช่วยให้โลกธุรกิจและงานวิจัย ก้าวข้ามข้อจำกัดของซูเปอร์คอมพิวเตอร์แบบดั้งเดิม ไปอีกขั้น
 

Source: Ionq, Seeking Alpha, Trading View
Data as of September 15, 2025


- ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
- เนื่องจากกองทุน ไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
- ผลการดำเนินงานในอดีต ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต