LAND AND HOUSES FUND MANAGEMENT CO.,LTD

ข่าวสารและกิจกรรม

สรุปภาวะตลาด



 

เวียดนามจ่ออัปเกรดสู่ตลาดเกิดใหม่… หนุนเม็ดเงินไหลเข้าระยะยาว 
FTSE Russell ประกาศอัปเกรดเวียดนามขึ้นสู่สถานะตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) หลังเวียดนามเดินหน้าปฏิรูปตลาดทุนและผ่อนคลายข้อจำกัดการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ตามแถลงการณ์ของ FTSE Russell หุ้นเวียดนามจะถูกจัดอยู่ในกลุ่ม ‘Secondary Emerging Markets’ ร่วมกับประเทศอย่างจีน อินเดีย และอินโดนีเซีย โดยจะมีผลเปลี่ยนสถานะจาก Frontier Market เป็น Emerging Market มีผลบังคับใช้ในวันที่ 21 ก.ย. 2569

การตอบสนองของตลาด
  • ดัชนี VN Index เปิดตลาดในแดนบวกอย่างแข็งแกร่ง โดยปรับตัวขึ้นกว่า +2% ในช่วงเช้า ก่อนจะลดช่วงบวกลงและปิดที่ระดับ 1,696.29 จุด เพิ่มขึ้น +0.69% จากวันก่อนหน้า สะท้อนแรงซื้อที่เริ่มชะลอลงในช่วงท้ายตลาด
  • ทั้งนี้ นับตั้งแต่ต้นปี 2025 ตลาดหุ้นเวียดนามยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางบวกอย่างแข็งแกร่ง แม้เผชิญแรงขายสุทธิจากนักลงทุนต่างชาติมากกว่า 100 ล้านล้านด่ง (ประมาณ 3.9 พันล้าน USD) โดยดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นแล้วเกือบ +34% YTD ได้แรงหนุนสำคัญจากนักลงทุนภายในประเทศซึ่งครองสัดส่วนกว่า 88% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด ช่วยดูดซับแรงขายจากต่างชาติได้อย่างมีนัยสำคัญ?
แนวโน้มและกลยุทธ์การลงทุน
Bloomberg Intelligence ประเมินว่า แม้การอัปเกรดสถานะตลาดอาจดึงเม็ดเงินไหลเข้าจากกองทุนที่ติดตามดัชนีตลาดเกิดใหม่ (EM-tracking funds) ได้สูงสุดราว 6 พันล้าน USD แต่ผลกระทบระยะสั้นต่อค่าเงินด่งและตลาดหุ้นเวียดนามอาจจำกัด เนื่องจากธนาคารกลางเวียดนาม (SBV) ควบคุมค่าเงินอย่างเข้มงวด และมักดูดซับผลจากกระแสเงินทุนไหลเข้าผ่านกลไกการแทรกแซงและการทยอยเบิกจ่ายอย่างค่อยเป็นค่อยไป

ในด้านราคาหุ้น ข้อจำกัดด้าน สัดส่วนการถือครองต่างชาติ (Foreign Ownership Limit – FOL) ยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญ โดยในดัชนี VN30 มีเพียง 4 บริษัทที่ไม่มีข้อจำกัด ขณะที่ส่วนใหญ่จำกัดไว้ที่ 49–50% และกลุ่มธนาคารจำกัดที่ 30% ส่งผลให้สัดส่วนการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติยังอยู่ในระดับต่ำเพียง 11% ของมูลค่ารวม ซึ่งช่วยจำกัดแรงกระทบจากกระแสเงินทุนในระยะสั้น

การอัปเกรดสถานะตลาดของเวียดนามมีความสำคัญเชิงโครงสร้างในระยะยาวมากกว่าระยะสั้น โดยเม็ดเงินจากกองทุน EM มีแนวโน้มไหลเข้าค่อยเป็นค่อยไป (staggered inflows) มากกว่าพุ่งทันที ขณะที่พื้นฐานเศรษฐกิจแข็งแกร่ง FDI เติบโตต่อเนื่อง และสัดส่วนการมีส่วนร่วมของนักลงทุนต่างชาติยังต่ำทำให้ตลาดมีความยืดหยุ่นสูง


กลยุทธ์ที่เหมาะสมในช่วงนี้
ตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวขึ้นมากกว่า +34% YTD จากแรงหนุนจากเศรษฐกิจที่เติบโตแข็งแกร่งและกระแสคาดหวังการอัปเกรดสถานะ ทำให้ระดับราคาปัจจุบันเริ่มสะท้อนข่าวดีไปพอสมควร จึงมีความเสี่ยงที่ตลาดอาจเผชิญแรงขายทำกำไร (Sell on fact) หลังข่าวการอัปเกรดสถานะตลาดในระยะสั้น เราจึงยังคงมุมมอง ‘Wait & See’ เพื่อรอจังหวะย่อตัวก่อนเข้าซื้อ อย่างไรก็ดี แม้ระยะสั้นอาจมีแรงกดดันด้านราคา แต่ปัจจัยพื้นฐานระยะกลาง-ยาวของเวียดนามยังแข็งแกร่งเป็นอย่างมากจาก

 
  1. เศรษฐกิจเวียดนามยังคงขยายตัวแข็งแกร่ง โดย GDP ไตรมาส 3/2025 โต +8.2% YoY สูงกว่าคาดการณ์ ส่งผลให้เฉลี่ย 9 เดือนแรกขยายตัว +7.85% YoY แม้ได้รับผลกระทบจากภาษีสหรัฐฯ แรงขับเคลื่อนหลักมาจากภาคอุตสาหกรรมและก่อสร้างที่เร่งตัว +9.5% YoY การส่งออกเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น +24.7% YoY โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่ภาคค้าปลีกและท่องเที่ยวฟื้นตัวชัด โดยจำนวนนักท่องเที่ยวจีนพุ่ง +40.2% YoY ด้านเงินเฟ้อยังคงอยู่ในกรอบควบคุมได้
  2. การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ยังคงเป็นเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจ โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปี เม็ดเงิน FDI ขยายตัว +22% YoY นำโดยการเพิ่มทุนในโครงการเดิมและการลงทุนจากจีนและสหรัฐฯ ที่ขยายตัวโดดเด่น สะท้อนความเชื่อมั่นต่อศักยภาพระยะยาวของเวียดนาม
  3. นโยบายภาครัฐมีลักษณะ Pro-Growth ชัดเจน ผ่านการกระตุ้นการลงทุน การดึงดูดเงินทุนต่างชาติ และการใช้จ่ายภาครัฐเชิงรุก สนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะต่อไป
   
         ทั้งนี้ นักลงทุนควรติดตามตัวเลขเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด และรักษาวินัยในการบริหารความเสี่ยงโดยใช้แนวทางล็อคกำไร (Profit Locking) และป้องกันความเสี่ยง (Stop Loss) อย่างเคร่งครัด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารพอร์ตการลงทุน


Source: Bloomberg Intelligence, Financial Times, Yahoo Finance
LHFund 8 ต.ค. 2025

กรอกข้อมูลเพื่อให้เราติดต่อกลับ