LAND AND HOUSES FUND MANAGEMENT CO.,LTD

ข่าวสารและกิจกรรม

สรุปภาวะตลาด


 

ดีลประวัติศาสตร์ $17,000 ล้าน SpaceX ประกาศ ซื้อ SATS เพื่อครอง Hybrid Connectivity

วันที่ 8 กันยายน 2568 สำนักข่าว AP News รายงานว่า บริษัท EchoStar (SATS) ประกาศขายใบอนุญาต AWS-4 และ H-block spectrum มูลค่ารวมประมาณ $17 พันล้าน โดยแบ่งเป็นเงินสด $8.5 พันล้าน และหุ้น SpaceX อีก $8.5 พันล้าน พร้อมการที่ SpaceX จะชำระดอกเบี้ยหนี้ของ EchoStar จำนวน $2 พันล้าน จนถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน 2027 ซึ่ง EchoStar สามารถพิสูจน์ให้เห็นว่า การพลิกโฉมธุรกิจครั้งสำคัญ ไม่ได้มีค่าแค่ในเชิงกลยุทธ์ แต่ยังสร้างผลลัพธ์ในเชิงธุรกิจที่จับต้องได้ โดยเฉพาะการลดความเสี่ยงทางการเงินด้วยการขายคลื่นความถี่มูลค่ามหาศาล นี่อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเติบโตครั้งใหม่ ที่อาจเขย่าโครงสร้างอุตสาหกรรมโทรคมนาคมและอวกาศทั่วโลก

ธุรกิจนี้น่าสนใจอย่างไร และมีกลยุทธ์อะไรในการเติบโต?  LHfund จะเล่าให้ฟัง

EchoStar ก่อตั้งขึ้นในปี 1980 โดย Charlie William Ergen, Candy Ergen และ James DeFranco ในช่วงแรก EchoStar มีแนวคิดในการพัฒนาเป็นบริษัทที่ให้บริการสื่อสารผ่านดาวเทียม โดยเน้นที่ธุรกิจ Pay-TV (DISH Network) และบริการบรอดแบนด์ผ่านดาวเทียม (HughesNet) ช่วงแรก EchoStar เติบโตจากการเป็นผู้เล่นสำคัญในอุตสาหกรรมดาวเทียม แต่ด้วยวิสัยทัศน์ที่ต้องการมุ่งเน้นธุรกิจที่มีกำไรสูงและขยายตัวได้มาก ทำให้ EchoStar เริ่มได้รับความสนใจจากนักลงทุนในฐานะบริษัทเทคโนโลยีการสื่อสารที่มีศักยภาพในการปรับตัว สิ่งที่ทำให้ EchoStar เติบโตอย่างรวดเร็ว คือการลงทุนอย่างหนักในการควบรวมกิจการกับ DISH Network และการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ครั้งสำคัญ ด้วยการขายคลื่นความถี่มูลค่า 40,000 ล้านดอลลาร์ให้กับ AT&T และ SpaceX

นอกจากนี้ EchoStar ยังได้สร้างระบบนิเวศที่ครบวงจรสำหรับบริการสื่อสาร ไม่ว่าจะเป็นบริการบรอดแบนด์ผ่านดาวเทียม (HughesNet), บริการ Pay-TV (DISH TV, Sling TV) และบริการไร้สาย (Boost Mobile) พร้อมทั้งสร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ AT&T และ SpaceX เพื่อเข้าถึงเครือข่าย 5G ภาคพื้นดินและดาวเทียม LEO สิ่งนี้ทำให้ EchoStar กลายเป็นพาร์ทเนอร์ที่ครบวงจรสำหรับธุรกิจและผู้บริโภคที่ต้องการเชื่อมต่อในโลกที่หลากหลาย

แล้วผลประกอบการช่วงที่ผ่านมาของ EchoStar Corporation เป็นอย่างไรบ้าง ?
ปี 2021 รายได้ 658,019.7 ล้านบาท กำไร 82,549.6 ล้านบาท
ปี 2022 รายได้ 645,136.2 ล้านบาท กำไร 85,781.1ล้านบาท
ปี 2023 รายได้ 585,625.8 ล้านบาท ขาดทุน (58,579.7) ล้านบาท
ปี 2024 รายได้ 543,084.2 ล้านบาท ขาดทุน (4,102.5) ล้านบาท



โดยไตรมาส 2 ปี 2025 มีรายได้ 120,848.8 ล้านบาท ลดลง 16.76% (YoY) และมีกำไรสุทธิ (9,954.9) ล้านบาท ลดลง 30.65% (YoY) ซึ่งรายได้ของบริษัทมาจากหลายส่วน ทั้ง Pay-TV, Wireless และ Broadband & Satellite Services ตอนนี้ EchoStar มีผู้ใช้งาน HughesNet 853,000 ราย และมีผู้ใช้งาน Boost Mobile เพิ่มขึ้น 212,000 รายใน Q2 2025

แล้ว EchoStar แตกต่างจากบริษัทสื่อสารทั่วไปอย่างไร ?


สิ่งที่ทำให้ EchoStar โดดเด่นคือ กลยุทธ์ Hybrid Connectivity และการใช้ประโยชน์จากคลื่นความถี่ที่มีอยู่ ด้วยการขายคลื่นความถี่มูลค่ามหาศาล EchoStar สามารถลดหนี้จำนวน 30.2 พันล้านดอลลาร์ได้อย่างมีนัยสำคัญ และเปลี่ยนจากการเป็นผู้สร้างโครงสร้างพื้นฐานที่มีภาระเงินลงทุนสูง ไปสู่โมเดลที่พึ่งพาพันธมิตร

EchoStar มีข้อได้เปรียบจากการมีพอร์ตโฟลิโอการเชื่อมต่อที่หลากหลาย ทั้งดาวเทียม GEO, เครือข่าย 5G ภาคพื้นดินของ AT&T และบริการ Direct to Cell ของ Starlink จาก SpaceX ทำให้บริษัทสามารถนำเสนอโซลูชั่นที่ครอบคลุมและยืดหยุ่นกว่าคู่แข่ง โดยผู้บริหาร EchoStar ระบุว่า บริษัทไม่ได้มองแค่การเป็นผู้ให้บริการดาวเทียมแบบดั้งเดิม แต่เน้นการเป็นผู้นำด้าน Hybrid Connectivity ที่ตอบสนองความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งกลยุทธ์นี้จะช่วยให้ EchoStar สร้างมูลค่าระยะยาวได้ดีกว่า ข้อมูลจากรายงานล่าสุดชี้ว่า EchoStar กำลังขยายธุรกิจจากอุตสาหกรรมดาวเทียมและ Pay-TV ไปสู่ตลาดใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพสูง เช่น Mobile Wireless และการเชื่อมต่อ LEO โดยคาดว่าจะเห็นผลจากการลดหนี้และการนำเงินไปลงทุนในส่วนธุรกิจที่มีการเติบโตสูง

สรุป EchoStar ไม่ใช่แค่แพลตฟอร์มดาวเทียมอีกต่อไป แต่กลายเป็นผู้นำด้าน Hybrid Connectivity ที่ขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์อันชาญฉลาดและการลดความเสี่ยงทางการเงิน จากรายงานผลประกอบการล่าสุด รวมถึงการลดหนี้และการขยายตลาด ชี้ให้เห็นว่า EchoStar กำลังต่อยอดแพลตฟอร์มให้กลายเป็นสินทรัพย์สร้างรายได้สำคัญสำหรับอนาคต

EchoStar แสดงให้เห็นว่า การเติบโตจากการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ครั้งใหญ่ ไปสู่บริษัทระดับโลก ที่มีอิทธิพลในหลายวงการได้สำเร็จ จากการใช้แนวทางการสร้าง Hybrid Connectivity ที่ขับเคลื่อนด้วยการลดหนี้และพันธมิตรทางกลยุทธ์ และการเติบโตนี้ ก็สะท้อนมายังมูลค่าบริษัทและราคาหุ้นของ EchoStar ที่ร้อนแรง จนปัจจุบัน EchoStar Corporation มีมูลค่าบริษัท 733.78 พันล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์ เท่ากับ 31.63 บาท)
ซึ่งราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นมา +248.44% นับจากต้นปี และ +403.94% ในช่วง 3 เดือรที่ผ่านมา (ข้อมูล ณ วันที่ 8 กันยายน 2568) หรือเป็นหุ้นเกือบ 4 เด้ง ในปีเดียว

กองทุนแนะนำ :LHSPACE
ความต้องการของการเชื่อมต่อที่ไร้รอยต่อและครอบคลุม ทั้งบนบก ในทะเล และบนอากาศ กำลังจุดประกาย "การแข่งขันเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดการสื่อสารมหาศาล" ในครั้งใหม่ ผลักดันการลงทุนมหาศาลจากบริษัทยักษ์ใหญ่สู่เทคโนโลยี Hybrid Connectivity ที่ขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์อันชาญฉลาด การลงทุนในบริษัทอย่าง EchoStar จึงเป็นโอกาสในการทะยานไปกับเมกะเทรนด์แห่งการสื่อสารยุคใหม่ ที่จะช่วยให้ผู้คนและธุรกิจต่าง ๆ "สามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างไม่สะดุด" อีกต่อไป

 

Source: Ap News, Seeking Alpha, Trading View
Data as of September 8, 2025


- ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
- เนื่องจากกองทุน ไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
- ผลการดำเนินงานในอดีต ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

 

กรอกข้อมูลเพื่อให้เราติดต่อกลับ