LAND AND HOUSES FUND MANAGEMENT CO.,LTD

ข่าวสารและกิจกรรม

สรุปภาวะตลาด





ตลาดหุ้นจีนฟื้นตัวต่อเนื่อง หลังรัฐบาลประกาศนโยบายช่วยเหลือกระตุ้นเศรษฐกิจ



ในสัปดาห์ที่ผ่านมา (28-31 ส.ค.) ดัชนี S&P500 และ NASDAQ ได้ปรับตัวสูงขึ้น 1.72% และ +2.43% ตามลำดับ ในขณะที่ดัชนี Shanghai composite และ Hang Seng index (28 ส.ค. – 1 ก.ย.) นั้น +0.71% และ +1.47% ตามลำดับ   SET Index ปรับตัวสูงขึ้น +0.21%
  • ตัวเลขจ้างงานของสหรัฐออกมาไม่แตกต่างกับที่ตลาดคาดมาก ยอดจ้างงานนอกภาคเกษตร เดือน ส.ค. +187K มากกว่าตลาดคาด +170K แต่สัญญาณอ่อนแอคือ อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นมาที่ 3.8% ตลาดคาด 3.5% ค่าจ้าง +0.2% mom ตลาดคาด +0.3% mom หรือตำแหน่งเปิดรับสมัครงานของสหรัฐฯ ได้ปรับตัวลดลงมาที่ 8.8 ล้านตำแหน่ง ในเดือนก.ค. ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ 9.5 ล้าน และเดือนมิ.ย.ที่ 9.6 ล้านตำแหน่ง ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขความเชื่อมั่นของผู้บริโภค เดือนส.ค. ที่ 106.1 จุด (ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 116 จุด และเดือนก.ค. ที่ 117 จุด) และตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ซึ่งได้มีการปรับตัวเลขเดิมลงจาก 2.4% เป็น 2.1% q/q (annualized) ซึ่งทั้งหมดนั้นบ่งชี้ว่า โมเมนตัมของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ร้อนแรงในช่วงเดือนพ.ค. – ก.ค. ที่ผ่านมานั้นเริ่มที่จะชะลอตัวลง และลดแรงกดดันต่อภาวะเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยในตลาดลง   
  • ซึ่งทั้ง 2 ปัจจัยดังกล่าว นั้นได้ทำให้ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (bond yields) ได้ปรับตัวลดลงราวๆ 0.15% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา และทำให้หุ้นกลุ่มที่มีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยอย่างกลุ่ม Technology ได้ปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า 4% ในช่วง 4 วันที่ผ่านมา (28-31 ส.ค.)   
  • ในส่วนของตลาดหุ้นจีน ดัชนีตลาดเซี่ยงไฮ้ และฮ่องกง ได้มีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่รัฐบาลจีน ได้ประกาศนโยบายช่วยเหลือหลายอย่าง อาทิเช่น ลดวงเงินดาวน์บ้านหลังแรกขั้นต่ำลง เป็นไม่เกิน 20% (และบ้านหลังที่สองที่ 30%) และมีการลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านลง ให้สำหรับผู้ซื้อบ้านหลังแรก โดยรายงานจากสื่อฯจีนนั้น ได้เผยว่าอัตราดอกเบี้ยที่อยู่อาศัย โดยเฉลี่ยนั้นได้ปรับตัวลดลงไปกว่า 0.80% และทาง Bloomberg นั้นได้คาดการณ์ว่ามาตรการดังกล่าวนั้น จะช่วยทำให้การบริโภคนั้นฟื้นตัวได้ราวๆ 0.24% ต่อ GDP ซึ่งหากรวมกับการที่ธ.กลางจีน ได้ปรับลด Medium-term lending facility rate และ Reserve requirement ratio ในช่วงที่ผ่านมา นั้นจะส่งผลบวกต่อ GDP ของจีนได้ราวๆ 1% ในปี 2023 และ 1.1% ในปี 2024
  • นอกจากนี้ ทางรัฐบาลจีน ยังได้ประกาศลดค่า Stamp Duty ในการขายหุ้นในตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ลงจาก 0.10% เป็น 0.05% และจะมีการควบคุมถึงความเหมาะสมและไม่ให้ตลาดมีการออกหุ้น IPO ที่มากจนเกินไป นั้นเป็นการช่วยเหลือความเชื่อมั่นของตลาดได้บางส่วน  
  • ราคาน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ ได้ปรับตัวสูงขึ้นราวๆ 6% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา มากกว่าสินค้าโภคภัณฑ์ส่วนใหญ่ จากการที่ทางซาอุดิอาระเบีย และกลุ่ม OPEC+ ได้ประกาศว่าจะลดกำลังการผลิตน้ำมันลงอีกจนถึงสิ้นปีนี้
  • ในขณะที่ตลาดหุ้นไทย ได้กลับมาเผชิญกับความผันผวนทั้งสัปดาห์ โดยดัชนี SET Index ได้ปรับตัวขึ้นเพียง 1.31 จุด ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยนักลงทุนได้เริ่มมีการขายทำกำไรบางส่วน หลังจากที่ตลาดได้ปรับตัวสูงขึ้นจากการจัดตั้งรัฐบาลของนายก เศรษฐา ทวีสิน ในสัปดาห์ก่อนหน้า โดยถึงแม้ว่าตลาดจะมีความคาดหวัง ต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ โดยเฉพาะมาตรการ Digital Wallet 1 หมื่นบาท แต่อย่างไรก็ตาม ภาวะเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว, ปัญหาหนี้เสีย และกำลังซื้อที่ฝืดเคืองในประเทศไทย และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ที่อาจจะยังคงต้องใช้เวลาในการออกมาตรการนั้น จะทำให้ตลาดนั้น ยังคงมองว่าผลประกอบการของตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 3 นั้น อาจจะยังคงไม่สดใสมากนัก และต้องรอดูสถานการณ์ต่อไป เช่นเดียวกับ ความเสี่ยงที่รัฐบาลนั้น อาจจะเข้ามาแทรกแซงนโยบายทางด้านพลังงานต่างๆ เป็นต้น
 
 
  • 5 ก.ย. ไทย: CPI YoY เดือนส.ค. โดยตลาดคาดการณ์ที่ 0.78% y/y (สูงกว่าเดือนก.ค.ที่ 0.38%)  
  • 5 ก.ย. จีน: Caixin China Services PMI เดือนส.ค. โดยตลาดคาดการณ์ที่ 53.7 จุด (ต่ำกว่าเดือนก.ค.ที่ 54.1 จุด)  
  • 5 ก.ย. ยุโรป: HCOB Eurozone Services PMI เดือนส.ค. โดยตลาดคาดการณ์ที่ 48.3 จุด (เท่ากับเดือนก.ค.ที่ 47.0 จุด) , Eurozone Composite PMI เดือนส.ค. โดยตลาดคาดการณ์ที่ 47.0 จุด (เท่ากับเดือนก.ค.ที่ 47.0 จุด)  
  • 6 ก.ย. สหรัฐฯ: S&P US Services PMI เดือนส.ค. (เดือนก.ค.ที่ 51 จุด) , S&P US Composite PMI เดือนส.ค. (เดือนก.ค.ที่ 50.4 จุด)  
  • 7 ก.ย. จีน: Exports YoY เดือนส.ค. โดยตลาดคาดการณ์ที่ -9.8% y/y (เทียบกับเดือนก.ค. ที่ -14.5%), Imports YoY เดือนส.ค. โดยตลาดคาดการณ์ที่ -9.0% y/y (เทียบกับเดือนก.ค. ที่ -12.4%)
 
 
  • ในภาพรวมทางเรา ยังคงมีมุมมองว่าเงินเฟ้อของสหรัฐฯ จะปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปีนี้
  • ถึงแม้ว่าทางรัฐบาลจีน นั้นจะออกมาตรการช่วยเหลือเศรษฐกิจต่างๆ โดยเฉพาะในภาคอสังหาฯ และภาคธนาคาร และตลาดยังคงอยู่ในภาวะ Oversold ในระยะสั้น แต่อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจะยังคงจับตามองตัวเลขเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด ว่าเศรษฐกิจจะเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวได้หรือไม่ แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าสถานการณ์ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง ความเสี่ยงของเศรษฐกิจยังคงอยู่
  • โดยตลาดหุ้นไทย นั้นจะจับตามองความคืบหน้าของการจัดตั้งรัฐบาล และความชัดเจนของนโยบายของทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย และความชัดเจนของนโยบายพลังงานว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่
  • กองทุนแนะนำ :
  • LHGEQ : กระจายการลงทุนในหุ้นทั่วโลก ในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม เน้นลงทุนในหุ้นที่มีคุณภาพดี มีหนี้สินต่ำ เป็นผู้นำในตลาด มีกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในระยะถัดไปคาดว่าตลาดหุ้นยังเป็น sideway up จากดอกเบี้ยทั่วโลกที่ใกล้ระดับสูงสุดแล้ว
  • LHHEALTH : เหมาะกับตลาดทั้งขาลงและขาขึ้น มีสัดส่วนประมาณ 50% ใน pharmaceutical, healthcare services ที่ค่อนข้าง defensive สิ่งจำเป็นที่ต้องใช้ อายุที่เพิ่มขึ้น หรือ รายได้เพิ่มขึ้น และอีก 50% ในกลุ่ม healthcare เช่น biotech , life sciences, healthcare equipment ที่มี growth สูง ได้ประโยชน์จากเทคโนโลยี  
ที่มา LHFUND, CNBC, Investing.com, Bloomberg, ThaiPBS

ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
 

กรอกข้อมูลเพื่อให้เราติดต่อกลับ