สรุปภาวะตลาด
"หุ้นไทยยังไปต่อ? เมื่อคาดการณ์ GDP growth ถูกปรับลดลง"
เงินเฟ้อทั่วไป เงินเฟ้อพื้นฐาน และดัชนีเงินเฟ้อผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐฯ ที่สูงกว่าคาดเมื่อเทียบเป็นรายปีหนุนโดยราคาพลังงาน และค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในระดับสูงกดดันตลาดหุ้นสหรัฐฯ ให้เคลื่อนไหว sideway ขณะที่ SET Index ตลาดหุ้นไทยยังปรับตัวลงต่อเนื่องอีก 0.8% กดดันโดยรายได้และกำไรในไตรมาส 4/2565 ของบริษัทจดทะเบียนที่ต่ำกว่าคาด และ GDP ไตรมาส 4/2565 ที่เพิ่มขึ้นเพียง 1.4% เทียบกับปีก่อนหน้า
- ผลประกอบการไตรมาส 4/2565 ของบริษัทกลุ่ม Real Sector ในไทย
- Core PCE ของสหรัฐฯ (เดือนมกราคม) หากสูงกว่าคาดที่ 0.4% mom อาจกดดันตลาดหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยง
- FED minute เดือนมกราคม หากออกมาโทนเข้มงวดกว่าที่ Powell ประธานเฟดแถลง อาจกดดันสินทรัพย์เสี่ยง
- ระยะสั้น คาดตลาดหุ้นมีแนวโน้มเคลื่อนไหว sideway หรือ sideway down หลังเงินเฟ้อมีโอกาสลดลงช้ากว่าคาด ทำให้ FED ยังต้องขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มต่อเนื่อง (ล่าสุดเริ่มมีคาดการณ์ว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ในเดือนมีนาคม)
- ระยะกลางยาว แนะนำทยอยสะสมเมื่อตลาดปรับตัวลง เนื่องจากดอกเบี้ยทั่วโลกมีแนวโน้มลดลงในครึ่งปีหลัง (ปลายไตรมาส 3 หรือไตรมาส 4)
- หุ้นไทย แม้ GDP ไตรมาส 4/2565 จะเพิ่มน้อยกว่าคาด แต่การกลับเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติและการเดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้ง จะเป็นแรงหนุนให้กำลังซื้อเพิ่มขึ้น เป็นผลดีต่อกำไรของบริษัทไทย ยังแนะนำกองทุน LHSTRATEGY ที่จะลดความเสี่ยงในตลาดขาลง แต่ชนะตลาดในขาขึ้นได้ แนะนำทยอยสะสมเมื่อดัชนีปรับตัวลง
- หุ้นเวียดนาม เวียดนามยังมีโอกาสเติบโตอีกมากจากการเป็นฐานการผลิตของโลก และการบริโภคภายในประเทศ แนะนำกองทุน LHVN ทยอยลงทุน และเหมาะกับการระยะยาว 5 ปี ขึ้นไป
- อัตราการเช่าที่สูงขึ้น และเงินปันผลที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมถึง Dividend Yield Gap ที่ 4% สูงกว่าค่าเฉลี่ย และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่มีแนวโน้มลดลง ทำให้ Property funds, REITs และ Infrastructure funds น่าสนใจลงทุน แนะนำทยอยสะสมกองทุน LHTPROP
ที่มา LHFUND, CNBC, Investing, Reuters, สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 19 ก.พ. 66
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
