LAND AND HOUSES FUND MANAGEMENT CO.,LTD

ข่าวสารและกิจกรรม

สรุปภาวะตลาด





ตลาดในสัปดาห์ที่ผ่านมา และปัจจัยติดตามสัปดาห์นี้
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงนำโดยดัชนี Nasdaq ตัวแทนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลัง FED ประกาศเพิ่มวงเงินในการลด QE เป็น 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน และปรับคาดการณ์การขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้าเป็น 3 ครั้ง จากเดิม 1 ครั้ง เพื่อควบคุมเงินเฟ้อที่สูงต่อเนื่อง ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ก็ดำเนินมาตรการเพื่อควบคุมเงินเฟ้อเช่นกัน
ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามสัปดาห์นี้คือดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคพื้นฐานส่วนบุคคล (Core PCE) เดือนพ.ย. ของสหรัฐฯ โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% จากเดือนก่อนหน้า หรือ 4.5% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคาดว่าหาก Core PCE ออกมาสูงกว่าคาดเล็กน้อย จะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดมากนักเพราะ FED ได้แสดงเจตนาที่ชัดเจนแล้วว่าต้องการควบคุมเงินเฟ้อให้ไม่สูงเกินไป


มุมมองการลงทุน
ตลาดหุ้น
มองว่าการระบาดของโควิดสายพันธุ์ Omicron จะกระทบกับการขยายตัวของเศรษฐกิจไม่มากนัก จากการที่ต้อง lock down ในบางพื้นที่ โดยความเสี่ยงคืออัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูงยาวนานกว่าคาด โดยจากการศึกษาพบว่าเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นไม่ได้ส่งผลลบต่อกำไรต่อหุ้นของ S&P500 มากนัก แต่นักลงทุนจะให้ valuation ที่ลดลง ดังนั้นหากตลาดปรับตัวลงมองเป็นโอกาสของนักลงทุนระยะกลาง-ยาวในการทยอยลงทุน โดยเลือกลงทุนในหุ้นกลุ่มที่มีความชัดเจนของรายได้และกำไร หุ้นของบริษัทจดทะเบียนในประเทศที่เศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีต่อเนื่องและระดับราคาไม่สูงมากเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ รวมถึงหุ้นของบริษัทที่สามารถผลักภาระต้นทุนที่สูงขึ้นจากเงินเฟ้อไปยังผู้บริโภคได้ ซึ่งคาดว่ามีโอกาสทำผลงานได้ดี
หุ้นไทย
กำไรต่อหุ้นจะดีขึ้นในช่วงถัดจากนี้ จากการกลับมาเปิดเศรษฐกิจเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว ซึ่งจะทำให้การบริโภคเพิ่มขึ้น ในระยะสั้นตลาดอาจถูกกดดันจากการระบาดของโควิดสายพันธุ์ Omicron แต่ตลาดรับข่าวไปค่อนข้างมากแล้ว
PF&REITs
คาด REITs เอเชียรวมถึงไทยมี downside risk ค่อนข้างจำกัด จากราคาที่ laggard และการที่จะกลับมาเปิดเศรษฐกิจอัตราเงินปันผลที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับ Global REITs แม้ในระยะสั้นยังโดนกดดันจากการระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่

กลยุทธ์การลงทุน และกองทุนที่น่าสนใจ
สำหรับการลงทุนในระยะ 1 – 3 เดือนข้างหน้า แนะนำทยอยลงทุนเมื่อตลาดหุ้นปรับตัวลง โดยกองทุนแนะนำนั้นเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มที่รายได้และกำไรมีความชัดเจน และมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีในปีหน้า เช่น

LHVN
ลงทุนอย่าง active ในหุ้นเวียดนามผ่านทั้งการลงทุนใน ETFs และลงทุนหุ้นโดยตรง โดยมุ่งหวังให้ได้ผลตอบแทนเหนือกว่าดัชนีชี้วัดในระยะยาว โดยเศรษฐกิจเวียดนามยังคงเติบโตได้ดีหนุนโดยการบริโภคและการลงทุน
LHSEMICON
ลงทุนในหุ้นที่ทำธุรกิจใน Semiconductor value chain ซึ่งทำรายได้และกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ
LHSMARTDSSF-SSF 
สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนหุ้นไทยพร้อมประหยัดภาษี


ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

ที่มา LHFund 17 ธ.ค. 64 












 

กรอกข้อมูลเพื่อให้เราติดต่อกลับ