LAND AND HOUSES FUND MANAGEMENT CO.,LTD

ข่าวสารและกิจกรรม

สรุปภาวะตลาด






ตลาดในสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นอย่างไร?
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ยังคงเดินหน้าทำจุดสูงสุดต่อไป หนุนโดยผลประกอบการณ์ไตรมาส 3/2564 ของบริษัทกว่า 70% ที่ประกาศแล้วทำได้ดีกว่าคาด นอกจากนี้ผลจากการที่ FED ยังเชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อจะค่อยๆ กลับสู่ภาวะปกติตั้งแต่กลางปีหน้าเป็นต้นไป และย้ำว่าไม่จำเป็นต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ย ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยหนุนการปรับตัวขึ้นของหุ้นโดยเฉพาะหุ้นกลุ่ม Technology

มุมมองการลงทุน
ตลาดหุ้น จากการที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทำผลงานได้ดีในช่วงที่ผ่านโดยได้แรงหนุนจาก bond yield ที่ปรับตัวลง ทำให้คาดว่าอาจเห็นการ rotation กลับมาลงทุนในหุ้นกลุ่มที่อิงกับการเติบโตของเศรษฐกิจ และได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่น่าจะเป็นขาขึ้นในระยะกลางถึงยาว เช่นกลุ่ม Industrial, Financial และ Real Estate ในระยะถัดไปได้
ในระยะ 6 เดือนข้างหน้าหุ้นกลุ่ม Value, Cyclical, และประเทศที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มกลับมาฟื้นตัวได้ในปีหน้า มีโอกาสได้รับการปรับเพิ่มประมาณการกำไรต่อหุ้น เช่นหุ้น Emerging Market ที่ยัง laggard และ ASEAN มีโอกาส outperform ตลาดโดยรวม แม้จะมีโอกาส underperform ในระยะสั้น
หุ้นจีน (offshore) นั้นคาดว่ามีโอกาส bottom out ไปแล้วหรืออย่างช้าในช่วงปลายปี
หุ้นไทย มองว่ากำไรต่อหุ้นจะดีขึ้นโดยได้รับผลบวกจากการกลับมาเปิดเศรษฐกิจเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว ซึ่งจะทำให้การบริโภค และการเดินทางเพิ่มขึ้น เป็นผลดีต่อกลุ่ม ธนาคาร, ค้าปลีก, ขนส่ง รวมถึงอสังหาริมทรัพย์ทั้งที่อยู่อาศัยและนิคมอุตสาหกรรม เป็นต้น
PF&REITs คาด REITs เอเชียรวมถึงไทยมี downside risk ค่อนข้างจำกัด จากราคาที่ laggard โดยหากการฉีดวัคซีนก้าวหน้าจะเป็นปัจจัยหนุน REITs กลุ่มนี้ได้ รวมถึงมีอัตราเงินปันผลที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับ Global REITs จึงน่าจะ outperform ได้ในระยะกลางยาว


กลยุทธ์การลงทุน และกองทุนที่น่าสนใจ
ระยะยาว ให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นมากกว่า REITs และตราสารหนี้ เนื่องจากคาดว่าจะเป็นสินทรัพย์ที่ได้ประโยชน์จากภาวะที่อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นตามเศรษฐกิจที่ขยายตัว และอัตราดอกเบี้ยค่อยๆ ปรับขึ้นอย่างช้าๆ แต่อาจไม่ปรับตัวขึ้นรวดเร็วเหมือนที่ผ่านมา เพราะสภาพคล่องในระบบลดลง กองทุนที่แนะนำทยอยสะสมเพื่อลงทุนระยะกลางเช่น

LHTPROP (ระดับความเสี่ยง 8) และ LHPROPIA (ระดับความเสี่ยง 8 และมี FX Risk) ซึ่งมีโอกาสได้ประโยชน์จากการกลับมาเปิดเศรษฐกิจหลังผู้ได้รับวัคซีนเพิ่มขึ้น มีอัตราเงินปันผลและ Earning Yield Gap ปี 2022 สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต และยัง laggard
LHGROWTH (ระดับความเสี่ยง 6) เนื่องหุ้นไทยมีโอกาสได้ผลดีจากการกลับมาเปิดเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลบวกกับกลุ่ม ธนาคาร, ค้าปลีก, ขนส่ง รวมถึงอสังหาริมทรัพย์ทั้งที่อยู่อาศัยและนิคมอุตสาหกรรม
LHSMARTDSSF (ระดับความเสี่ยง 5) สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในหุ้นและ PF&REITs ไทยพร้อมประหยัดภาษี โดยแนะนำทยอยลงทุนเมื่อ SET Index ปรับตัวใกล้ระดับ 1,600 จุด +/-
LHCHINA (ระดับความเสี่ยง 6) โดยมองว่า valuation อยู่ในระดับที่น่าสนใจ ขณะที่อัตราการเติบโตของบริษัทที่ลงทุนยังมีแนวโน้มเติบโตได้ในอนาคต นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่จะมี fund flow กลับเข้ามาลงทุนในหุ้นกลุ่มที่ laggard ในปีหน้า โดยแนะนำลงทุนให้สอดคล้องกับความเสี่ยงที่ยอมรับได้และเป้าหมายผลตอบแทนที่คาดหวังจากการลงทุน


Key Event ในสัปดาห์นี้
ต่างประเทศ
-ดัชนีเงินเฟ้อเดือน ต.ค. ของสหรัฐฯ และจีน โดยหากออกมาสูงกว่าคาดการณ์อาจทำให้นักลงทุนกลับมากังวลเกี่ยวกับปัญหาเงินเฟ้อและ bond yield ปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
ภายในประเทศ
-ผลประกอบการบจ. Q3/2564 กลุ่ม Real Sector
-การประชุมกรรมการนโยบายการเงิน คาดคงดอกเบี้ยที่ 0.5% ติดตามมุมมองเศรษฐกิจไทยในปีหน้า


ที่มา LHFund 5 พ.ย. 64


















 

กรอกข้อมูลเพื่อให้เราติดต่อกลับ