LAND AND HOUSES FUND MANAGEMENT CO.,LTD

ข่าวสารและกิจกรรม

สรุปภาวะตลาด

 




เหตุการณ์ที่สำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมา
 
  • ดัชนี S&P500 ของสหรัฐฯ ได้มีการปรับตัวสูงขึ้น 0.94% ในช่วงวันที่ 20-23 พ.ย. โดยตลาดยังคงปรับตัวสูงขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 4 หลังจากที่นักลงทุนในตลาดนั้น เริ่มมีความเชื่อว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ นั้นกำลังเข้าสู่ภาวะ Soft-landing ในปี 2024 ที่เศรษฐกิจมีการชะลอตัวลงเล็กน้อย ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยระดับอัตราดอกเบี้ยในตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯทั้งระยะสั้น และระยะยาว ได้ปรับตัวลดลงมาแล้วกว่า 0.50-0.60% จากจุดสูงสุดในช่วงปลายเดือนต.ค. ที่ผ่านมา
  • ในส่วนของตลาดหุ้นไทย ดัชนี SET Index ได้ปรับตัวลดลง 18.35 จุด (-1.30%) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยนักลงทุนต่างชาติยังคงมีการเทขายตลาดหุ้นไทยกว่า 6,500 ล้านบาท โดยตัวเลข GDP ของไทยในไตรมาส 3 นั้น มีการเติบโตเพียง 0.8% q/q และ 1.5% y/y (ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ 1.3% q/q, 2.2% y/y) จากภาคการส่งออกที่ชะลอตัว นอกจากนี้ ราคาของหุ้น AOT (Airports of Thailand) ได้ปรับตัวลดลงกว่า 9.4% ในสัปดาห์นี้ หลังจากที่ผู้บริหารได้ออกมาแถลงถึงจำนวนนักท่องเที่ยวที่ต่ำกว่าเป้าหมาย (โดยเฉพาะจากจีน)
 

 
  • 29 พ.ย. ไทย: การประชุมธนาคารแห่งประเทศไทย โดยตลาดคาดการณ์คงอัตราดอกเบี้ยที่ 2.50%
  • 29 พ.ย. ยูโรโซน: Consumer Confidence เดือนพ.ย.
  • 29 พ.ย. ยูโรโซน: Economic Confidence เดือนพ.ย. โดยตลาดคาดการณ์ที่ 93.4 จุด (สูงกว่าเดือนต.ค.ที่ 93.3 จุด)
  • 29 พ.ย. สหรัฐฯ: GDP ไตรมาส 3 (annualized) โดยตลาดคาดที่ +5% q/q
  • 30 พ.ย. จีน: Manufacturing PMI เดือนพ.ย. โดยตลาดคาดการณ์ที่ 49.6 จุด (สูงกว่าเดือนต.ค.ที่ 49.5 จุด)
  • 30 พ.ย. จีน: Non-Manufacturing PMI เดือนพ.ย. โดยตลาดคาดการณ์ที่ 51.1 จุด (สูงกว่าเดือนต.ค.ที่ 50.6 จุด)
  • 30 พ.ย. ยูโรโซน: CPI เดือนพ.ย. โดยตลาดคาดการณ์ที่ -0.2% m/m, +2.8% y/y (ต่ำกว่าเดือนต.ค.ที่ +0.1% m/m, 2.9% y/y)

 
  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และทั่วโลก ได้มีการฟื้นตัวเป็นอย่างมากในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีสาเหตุหลักมาจากการที่ตลาดเริ่มคาดการณ์แล้วว่า วัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นของสหรัฐฯ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานั้นได้สินสุดแล้ว ซึ่งหลังจากนี้ตลาดจะต้องมีการชั่งน้ำหนักระหว่างปัจจัยบวก จากระดับเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลงต่อเนื่อง และปัจจัยลบจากความเสี่ยงว่า เศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะหดตัว (Recession) หรือไม่ในปี 2024 โดยในวัฎจักรดอกเบี้ยขาลงนั้น มักที่จะให้ผลตอบแทนที่ดีต่อตลาดตราสารหนี้ และหุ้นในกลุ่ม Defensive อาทิเช่น Utility, Health care, Consumer Staplesแนะนำ #LHHEALTH เหมาะกับตลาดทั้งขาลงและขาขึ้น มีสัดส่วนประมาณ 50% ใน pharmaceutical, healthcare services ที่ค่อนข้าง defensive # LHGEQ กระจายการลงทุนในหุ้นทั่วโลก ในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม เน้นลงทุนในหุ้นที่มีคุณภาพดี
ที่มา LHFUND, CNBC, UOB Kay Hian, Bloomberg, ThaiPBS


ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
 

กรอกข้อมูลเพื่อให้เราติดต่อกลับ